วันจันทร์ที่ 13 ตุลาคม พ.ศ. 2557

เปิดปมชีวิต สู่วิธีคิดแบบ วอร์เรน บัฟเฟตต์

       เรื่องราวของยอดคน  ถึงอย่างไรก็น่าอ่าน

       วลีข้างต้น ผมคัดลอกมาจากบทความของ คุณพิษณุ นิลกลัด  ตอนที่กล่าวถึงหนังสืออัตชีวประวัติของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ในบทนำ

       ซึ่งวลีดังกล่าว  มีที่มาจากความเป็นคนที่มีชื่อเสียงเช่น เซอร์อล็กซ์ คนส่วนใหญ่ น่าจะเคยอ่านประวัติมามากบ้างน้อยบ้าง ทั้งในภาพกว้างและลึกมาแล้วจำนวนมาก  เมื่อมีผลงานแปลเกิดขึ้นใหม่ (ถ้าจำไม่ผิด น่าจะแปลโดย คุณนันทขว้าง สิริสุนทร)  ก็อาจจะทำให้คนส่วนใหญ่ รู้สึกเป็นผลงานที่เคยผ่านตามาแล้ว

       เราอาจจะรู้สึกว่า แล้วมี "ประเด็นใหม่" ให้เราได้เรียนรู้ไหม

       เราะจะได้เรียนรู้อะไรเพิ่มเติมจากการต้องอ่านหนังสือที่มีขนาดความหนาเกินกว่า 300 หน้า ขึ้นไปบ้าง
 
       เพราะมันต้องใช้เวลาไม่น้อยทีเดียว ในการที่จะอ่านหนังสือที่มีความหนาขนาดนี้ให้จบได้ง่าย ๆ หรือ แม้แต่การจับประเด็นสำคัญที่หนังสือได้ซ่อนไว้

       เช่นเดียวกันกับหนังสือเล่มนี้ The Snowball : Warren Buffett and the business of life ของ "วอร์เรน บัฟเฟตต์"  (เขียนโดย Alice Schroeder, 2009. แปลโดย นรา สุภัคโรจน์)  ตัวผมเองก็รู้สึกต่อหนังสือเล่มนี้ไม่แตกต่างกัน

       แต่เมื่อได้ลองอ่านดูแล้ว ก็อยากเชิญชวนคนที่ชื่นชอบการลงทุน  รวมทั้งชื่นชมตัว วอร์เรน บัฟเฟตต์ ให้ลองหามาอ่านกันดูก็น่าจะดีครับ

       น่าจะทำให้เราได้มีมุมมองที่ลึกขึ้นต่อตัว วอร์เรน ทั้งในเรื่องส่วนตัว ครอบครัว  และแนวทางการลงทุนของตัวเขามากขึ้น

       โดยเฉพาะ แนวทางการลงทุน ของตัว วอร์เรน  บัฟเฟตต์ เอง

       น่าจะทำให้หลาย ๆ  ท่าน  ได้ข้อสังเกตถึง กลยุทธ์ หรือเราจะเรียกว่า ที่มา ในการสร้างความร่ำรวยก่อนที่จะกลายมาเป็น วอร์เรน บัฟเฟตต์  ในวันนี้  ว่าเขามีกลยุทธ์ในการสร้างฐานะตนเองขึ้นมาถึงขนาดนี้ได้อย่างไร

       เทคนิคการระดมทุนอย่างมากมายในตอนเริ่มต้น ก็น่าสนใจมาก

       โดยเฉพาะตอนที่เขาใช้กลยุทธ์ ผ่านการซื้อบริษัทเล็ก ๆ บริษัทหลาย ๆ บริษัท (หนึ่งในนั้นก็คือ เบิร์กไชร์) จนเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วใช้อำนาจผู้ถือหุ้นใหญ่ ให้บริษัทดังกล่าวไปซื้อหุ้นบริษัทอื่น จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ แล้วก็ทำวิธีการเดิมอีก ต่อเนื่องเป็นลูกโซ่ จนกลายเป็นเจ้าของกิจการโยงใยจนน่าทึ่ง ก่อนที่จะใช้กลยุทธ์ การขายกิจการต่าง ๆ ทิ้งทีละบริษัท แล้วนำทุนมารวมกันอีกครั้ง

       ค่อย ๆ รวม กันจนกลายเป็นบริษัทเดียว ทำต่ือเนื่องกันยาวนานเป็นสิบปี  จนสินทรัพย์มีขนาดใหญ่โตขึ้น

       เรื่องราวข้างต้น ถือเป็นเพียงส่วนหนึ่งของหนังสือเล่มนี้เท่านั้น  ยังมีประเด็นที่น่าสนใจอื่นที่เรายังพบได้อีกมากมาย ไม่่ว่าจะเป็นเรื่องตอนเริ่มต้นชีวิตการทำงานของตัววอร์เรน (ที่แตกต่างจากคนอื่นในยุคเดียวกันมากหรือแม้แต่ในสมัยนี้ก็ตาม คือ ไม่สนใจบริษัทใหญ่ ๆ เลย)

       ความสัมพันธ์ของตัวเขา กับอาจารย์ที่เขาบูชา คือ เบน เกรแฮม  ไปจนถึง ต้ัวเขากับพ่อ แม่ และพี่น้อง

       อ่านดูคร่าว ๆ แล้ว  ดูน่าสนใจไหมครับ


สุรศักดิ์  อัครอารีสุข
ผู้ให้คำแนะนำการลงทุนตราสารซับซ้อนประเภท 1 (IC Complex 1)
สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์.

วันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

Why Teach For Thailand

นายสุรศักดิ์ อัครอารีสุข
173 ถนนนครราชสีมา ดุสิต กรุงเทพฯ 10300
e-mail : surasakdota@crownpropertydotordotth
http://surasak-akkaraareesuk.blogspot.com/


...หลายวันก่อน ได้มีโอกาสเปิดดู Youtube ในเรื่อง Why Teach For Thailand  ตาม Link ด้านล่างครับ  ซึ่งใช้การสัมภาษณ์ ผู้บริหารระดับสูง ทั้งในภาครัฐและเอกชน ผู้บริหารรุ่นใหม่ และนักคิดทางสังคม ความยาวประมาณ 7 นาที  สำหรับมุมมองที่มีต่อโครงการดังกล่าว  รู้สึกมีเนื้อหาสาระที่ดีมากทีเดียว  จึงขอสรุป และนำมา โพสต์ ไว้ในบล็อกนี้  เพื่อใช้ประโยชน์ในการทำงาน  รวมถึงเพื่อแบ่งปันแก่ผู้ที่สนใจด้วยครับ ... เนื้อหา ตามที่ได้สรุปไว้ครับ ...

สรุปจาก
Why Teach For Thailand : ทำไมถึงควรสอนเพื่อประเทศไทย

             เรื่องของการศึกษาในประเทศไทย ถือเป็นบ่อเกิดหรือต้นตอของปัญหาหลายอย่าง ที่ประเทศชาติของเรากำลังประสบอยู่ในขณะนี้  คนของเราต้องได้รับการพัฒนา  ทรัพยากรมนุษย์ต้องได้รับการพัฒนาอย่างรีบเร่ง  เพราะฉะนั้นการศึกษาที่มีคุณภาพ  โดยบุคลากรที่มีคุณภาพ  จำเป็นอย่างยิ่ง
            ภายในอีกปีหนึ่ง (2015)  ก็จะเปิดเขตเศรษฐกิจเสรีอาเซียน  Competitiveness  ของประเทศไทย  อาจจะเริ่มถดถอยลงหรือไม่  ในขณะที่หลาย ๆ ประเทศรอบข้างเรา กำลังวิ่งเร็วขึ้น
            เราจำเป็นที่จะต้องมีความสามารถที่จะคิดนอกกรอบ  เข้าใจถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ และสามารถที่จะคิดไปถึงอนาคตได้  ซึ่งการที่จะคิดไปถึงอนาคตที่ไกล ๆ ไม่ใช่เพียงแค่มองเห็นภาพจากหนังสือและตำราเรียนเพียงเดียว  แต่ยังต้องเข้าใจถึงความสัมพันธ์ ความเชื่อมโยง หลักตรรกะ เหตุผล ของเรื่องต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
            เป็นปัญหาที่มีมาโดยตลอด  ในเรื่องของการที่จะจัดให้ประชาชนในทุกระดับได้รับการศึกษาอย่างทั่วถึง  และในคุณภาพที่จะทำให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีได้
            เรื่องของการศึกษาเป็นเรื่องที่ละเอียดอ่อน  เรื่องของ Human to Human คือ ต้องมีแบบอย่างที่ดี
            เรื่องของการศึกษา  ที่สำคัญที่สุด คือ คุณครู  ถ้าพวกเราได้ ครู  ที่มีคุณภาพ  นี่คือจุดเริ่มต้นของการศึกษา ที่ดีที่สุด
            Teach For Thailand  คือ  ความริเริ่มที่เกิดขึ้น  เพราะเขาต้องการที่จะเอาคนหนุ่มสาว  ที่มี “จิตอาสา”  และ “มีความเป็นเลิศ” ในตนเอง  ต้องการสิ่งท้าทายในชีวิต  และก่อนที่จะออกไปประกอบอาชีพ  สละเวลาสัก 2 ปี  เพื่อมาเรียนรู้  เพื่อมาประสบกับปัญหาต่าง ๆ ด้านการศึกษาของประเทศ  นำเอาความเป็นเลิศของตัวเอง  ไปเฉลี่ย ไปแบ่ง ให้กับน้อง ๆ ที่อาจจะไม่มีโอกาสเหมือนเรา 
            น้อง ๆ ที่เข้ามาเป็นครูในโครงการ Teach For Thailand  มาพร้อมกับแรงบันดาลใจ  ที่จะมีส่วนช่วยในการพัฒนาการศึกษา  เป็นตัวอย่าง เป็นต้นแบบให้กับเด็ก ๆ จำนวนมากที่อาจจะขาดโอกาสการเข้าถึงครู
            อาจจะเหมือนการเสียเวลา  แต่ คือ การลงทุน  เป็นการสร้างประสบการณ์  ที่มากกว่าการเรียน MBA มากกว่าอะไรทั้งสิ้น  เพราะครูสอนไม่ได้เพียงแค่ ทักษะ  แต่คือ สอนชีวิต  ทุก ๆ วัน คือ 1 Chapter เป็น บทเรียนใหม่ เสมอ  เพราะโลกเปลี่ยนแปลงทุกวัน
            ทุกวันนี้  เวลาทำงาน  เหมือนตนเองเป็น ครูใหญ่  เวลาบริหารธุรกิจต้องใช้ Skill หลาย ๆ อย่าง ... อดทนด้วย สอนด้วย Motivate ด้วย ทุกอย่าง  เพื่อทำให้เขารู้ว่ามาที่นี่เพื่ออะไร  เหมือนกัน ถ้าครูมาเพื่อนักเรียน สอนนักเรียนเพื่ออนาคตที่ดี ตรงนี้ สำคัญที่สุด
            การยืนขึ้นพูด เป็นศาสตร์อย่างหนึ่ง คือ เป็นความสามารถที่ สื่อความ ให้กับหลาย ๆ คน เข้าใจได้  เป็น ศาสตร์ ที่ใช้ได้ในทุกงานในชีวิต  การที่สามารถลุกขึ้น ชี้แจง ให้ทุกคนฟังได้เอย่างเป็นเรื่องเป็นราว  ถือเป็นการฝึกฝนที่ดี
            โอกาสที่ได้มาเป็นครู ในโครงการ Teach For Thailand ในช่วง 2 ปี  เป็นโอกาสที่จะได้เข้าไปทดลองที่จะรู้จักตนเอง ได้มีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาที่สำคัญของคนไทย  และที่สำคัญ น้อง ๆ จะได้มีโอกาสเป็นสร้างแรงบันดาลใจให้แก่เด็ก ๆ ที่เป็นอนาคตของประเทศ
            ในฐานะของคนที่เป็น ผู้บริหารในภาคธุรกิจ เรามองว่า คนที่มีคุณภาพอย่างนี้  คนที่มีประสบการณ์ขนาดนี้ คือ คนที่เราต้องการ  ซึ่งตำราสอนไม่ได้ 
            รู้สึกชื่นชม และ ภูมิใจ กับลูกหลานที่มีความตั้งใจดี ที่จะทำงานที่ เผื่อแผ่ ไปถึงคนอื่น  สิ่งต่าง ๆ ที่ตนเองได้ดีมาแล้ว 
            ผู้ที่ได้เข้าไปเป็นครูในโครงการ Teach For Thailand จะเป็นประสบการณ์ที่หาไม่ได้ เป็นประสบการณ์ที่ต่างไปจากเพื่อนรุ่นเดียวกัน
            อยากสนับสนุนให้ผู้ที่เรียนจบใหม่ เข้ามาร่วมโครงการนี้ ไม่ต้องลังเล
            คนประเภทนี้แหละ ที่จะสามารถพัฒนาต่อไป เป็นผู้นำขององค์กร และเป็นอนาคตที่ดีของชาติได้
            การที่ลูกหลานของเรา ได้มีโอกาสมอบ 2 ปี ในวัยหนุ่มสาว  ให้กับโครงการในลักษณะนี้ ซึ่งเป็นโครงการเพื่ออนาคต เป็นโครงการเพื่อเพื่อนร่วมชาติที่ด้อยโอกาส  คิดว่าเป็นสิ่งที่ประเสริฐที่สุด  เป็นคุณค่าที่จะเป็นแรงบันดาลใจ แรงดลใจให้กับหนุ่มสาวเหล่านี้ มีความผูกพันกับสังคมและประเทศชาติของเรามากยิ่งขึ้น


“สร้างอนาคตให้เด็กไทย สร้างชาติไทยด้วยการศึกษา”