เมื่อได้หยิบหนังสือ นำให้ชนะ ของ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่ได้ร่วมกันเขียนขึ้นโดย Alex Ferguson, Sir (อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน, เซอร์) และ Michael Moritz, Sir (ไมเคิล มอริตซ์, เซอร์) ขึ้นมาอ่าน ก็ทำให้นึกถึงคำคมข้างต้น
นี่ถือเป็นหนังสือที่บอกเล่าประสบการณ์ ของคนที่มีความเชี่ยวชาญในงานของตนเองที่ดีมาก ๆ เล่มหนึ่งทีเดียว
เป็นหนังสือที่เล่าเรื่องราวประวัติส่วนตัวอย่างง่ายและน่าอ่าน
ไมเคิล มอริตซ์ ใช้การเล่าเรื่องเหมือนเรากำลังนั่งฟัง เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หรือ "เฟอร์กี้" เล่าเรื่องราวของตนเองให้เราฟังอย่างไรอย่างนั้นเลยทีเดียว
เปรียบเสมือน How to ในระดับขึ้นหิ้ง ของบุคคลที่ประสบความสำเร็จในงานที่ตนทำอยู่ และรู้จักงานของตนเองเป็นอย่างดี
แม้จะเป็นเรื่องราวของคนในแวดวงฟุตบอล แต่ในความเป็นจริงแล้ว การทำงานไม่ว่าในแวดวงใดก็ไม่แตกต่างกัน เพราะเราจำเป็นต้องบริหารคนเป็นหลัก
เพราะ "คน" คือ ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจขององค์กร
ในช่วงที่ผ่านมา มีหนังสือของเซอร์อเล็กซ์ ออกมาพร้อมกัน 2 เล่ม โดยเล่มก่อนหน้านี้ แปลโดย คุณนันทขว้าง สิริสุนทร เนื้อหามุ่งเน้นในชิงประวัติส่วนตัวและผลงานด้านฟุตบอลเป็นหลัก
ขณะที่เล่มนี้ มุ่งเน้นในเรื่องของเทคนิคการบริหารจัดการในงานของตัว เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน
เริ่มจากการเป็นเด็กบ้านนอก จากเมืองเมืองกลาส์โกว ที่เรียนไม่จบระดับชั้นมัธยม เป็นลูกของคนงานต่อเรือ ที่อาศัยอยู่ในเมืองที่มีคุณลักษณะแบบบ้านนอกของประเทศสก็อร์ตแลนด์
แต่มีความเชี่ยวชาญในสิ่งที่เขาชอบที่สุดในชีวิต คือ "ฟุตบอล"
ก้าวขึ้นมาเป็นคนสร้างแบรนด์ ให้กับทีมฟุตบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนกลายเป็นแบรนด์สินค้าระดับโลก
จากทีมที่มีมูลค่าซื้อขายกันเพียง 20 ล้านปอนด์ (ช่วงปี 1987-1990) ซึ่ง มาร์ติน เอ็ดเวิร์ด เจ้าของสโมสสรเดิมคิดจะขายในราคานี้
เติบโตมาจนกลายเป็นแบรนด์ที่มีมูลค่ากว่าพันล้านปอนด์ในปัจจุบัน
ต้องรับมือกับสารพัด "จีเนียส" ทางด้านฟุตบอล จนกลายเป็นยอดฝีมือแห่งวงการ
พร้อมทั้งได้วางหลักในการสร้างทีมที่ว่า ... ไม่สร้างดาวเด่น แต่สร้างทีมงานที่ทำงานทดแทนกันได้..
ส่งผลให้ทีมฟุตบอลอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงฟอร์มการเล่นที่อยู่ในระดับมาตรฐานเสมอมา
ก่อนจะก้าวไปสู่การเป็นผู้บรรยายในมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ที่มีค่าตัวนับแสนปอนด์ภายหลังที่ได้อำลาวงการ
อยากแนะนำให้ทุกท่าน รวมถึงท่านที่สนใจในศาสตร์ทางด้านการบริหาร หามาอ่านกันนะครับ
...เพราะเรื่องราวของยอดคน ถึงอย่างไรก็น่าอ่าน...
ข้อความนี้ ผมจำมาจากคุณพิษณุ นิลกลัด ซึ่งได้กล่าวไว้ครับ
สุรศักดิ์ อัครอารีสุข