บทความนี้ เป็นเหมือนส่วนต่อขยายจากเรื่อง การให้เงินค่าขนม แก่ลูกของเรา
หนังสือ เลี้ยงลูกให้ใช้เงินเป็น ของสองผู้แต่ง Adam Khoo และ Keon Chee แห่งสำนักพิมพ์ WE LEARN
ได้กล่าวถึงแนวทาง การหารายได้อื่น สำหรับเด็กนอกเหนือจาก การให้เงินค่าขนม แก่ลูกไว้อย่างน่าสนใจ
นั่นคือ การสอนลูกให้รู้จักหารายได้เพิ่มเติมด้วย การหางานทำ และ การลงทุน
เริ่มต้นในเรื่องของ การหารายได้จากการทำงาน ผู้เขียนทั้งสองมองว่า เราในฐานะพ่อแม่ ควรส่งเสริมให้ลูกออกไปหางานทำ
เพราะผลที่ตามมา จะทำให้ลูกของเราเห็นคุณค่าของเงิน และเข้าใจได้อย่างรวดเร็วว่า เงิน ไม่ได้งอกขึ้นมาเอง เราจำเป็นต้องทำงานจึงจะได้มา
ทั้งสองแนะนำว่า เวลาที่เหมาะสม ที่ลูกของเราจะเริ่มหาเงินเองได้ นั่นก็คือ เมื่อลูกของเราเริ่มรู้สึกว่า เงินค่าขนม ที่เราให้เริ่มไม่พอใช้และไม่พอเก็บออม
วิธีการที่ยอดเยี่ยม ก็คือ การที่ลูกของเราเริ่มหารายได้จาก งานพาร์ตไทม์ หรือ งานพิเศษ ในวันหยุด
เพราะเป็นวิธีการสอนให้ลูกของเรารู้จักถึง ความรับผิดชอบ การนำเสนอตนเอง และ การบริหารเงินตนเอง ที่ได้รับมา
ผู้เขียนทั้งสองให้คำแนะนำเพิ่มเติมว่า การที่จะส่งเสริมให้ลูกทำงานหารายได้อื่นนั้น...
พ่อแม่ควรเตรียมความพร้อมให้กับลูกของตน
เพราะจะทำให้เขาสามารถทำงานได้สำเร็จ และสร้างความมั่นใจในตนเองแก่ตัวเขา ผ่านการ ฝึกฝนทำงานบ้าน ตั้งแต่ยังเล็ก
ในยามที่ลูกของเราสามารถเริ่มต้นหา งานพาร์ตไทม์ หรือ งานพิเศษ ทำได้แล้วนั้น
ให้เราสอนเขาวางตัวอย่างสุภาพและนำเสนอตนเองให้น่าสนใจ ด้วยการทำ Resume หรือการทำนามบัตรแนะนำตัวอย่างย่อไว้พร้อมใช้งานเสมอ
ซึ่งอาจบันทึกเก็บไว้ในบล็อกที่เขาได้จัดทำขึ้นไว้ใช้งานส่วนตัว ก็จะทำให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น (ลองอ่านที่ลิ้งค์นี้ได้ครับ https://surasak-akkaraareesuk.blogspot.com/2019/01/blog-post_16.html)
ผู้เขียนยกตัวอย่างเรื่องการทำงานพาร์ตไทม์ หากลูกของเราเลือกทำงานเป็น ครูสอนพิเศษ
เราในฐานะพ่อแม่ ควรศึกษาให้รู้อย่างถ่องแท้ว่า ครูสอนพิเศษที่ดีนั้นเป็นอย่างไร
เพื่อนำมาถ่ายทอดมุมมองนี้ให้แก่ลูกของเราใช้เป็นหลักในการทำงาน เช่น ครูสอนพิเศษที่ดีควรจะ.......
สอนให้ลูกศิษย์ได้เรียนรู้ มิใช่การไปทำการบ้านให้...
ต้องรู้เทคนิคในการสอน เช่น ทำให้ลูกศิษย์รู้ว่าตนเองถูกคาดหวังอะไร ให้คำแนะนำลูกศิษย์อย่างตรงไปตรงมา และหมั่นจดบันทึกการสอน
ตั้งใจฟังลูกศิษย์ โดยการทำความเข้าใจการบ้านของเขา ก่อนที่ครูจะยื่นมือเข้าช่วยเหลือ ....อย่างนี้เป็นต้น
สิ่งสำคัญที่สุด เราจะต้องจับคู่ในเรื่องของ ทักษะ ความสนใจ และพรสวรรค์ ของลูกของเราให้สอดคล้องกับงานที่เขาจะไปทำ
เพื่อที่เราจะได้ให้คำแนะนำแก่เขาได้อย่างมีทิศทาง
ผลพลอยได้ที่จะตามมา อาจจะทำให้เขาค้นพบว่า... ในอนาคตเขาอยากจะทำอะไร
พร้อมทั้งได้เรียนรู้ว่าเงินทองไม่ได้หามาง่าย ๆ ตัวเขาจะต้อง มีความพยายาม มีทักษะในงานที่จะทำ และมีความกระตือรือร้น อย่างต่อเนื่อง
การสอนลูกให้รู้จักหารายได้อื่นเพิ่มเติมในส่วนที่สอง คือ การหารายได้จาก การลงทุน
ผู้เขียนได้กล่าวถึงแนวคิดที่อยู่เบื้องหลังของการลงทุน ก็คือ เราควรที่จะนำเงินไปใช้ในแบบที่เกิดดอกออกผล
เพราะการปล่อยเงินไว้เฉย ๆ จะทำให้มูลค่าของเงินลดลงจากอิทธิพลของเงินเฟ้อ
เราสามารถสอนเรื่องลงทุนให้กับลูกของเรา ผ่านเครื่องมือการลงทุนที่มีอยู่มากมาย
อันได้แก่... หุ้นสามัญ หุ้นกู้ ไปจนถึงกองทุนรวมดัชนี
เหตุผลหนึ่ง ก็เนื่องจากเป็นวิธีการลงทุนที่ง่ายที่สุด
เพราะสิ่งเหล่านี้ มีการซื้อขายกันผ่าน ตลาดขนาดใหญ่ ที่คนเราทุกคนต่างรู้จักกันดีรองรับอยู่แล้ว โดยที่เราไม่ต้องไปวิ่งหา
เช่น ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศไทย ตลาดหลักทรัพย์ในประเทศสิงคโปร์ ไปจนถึงตลาดหลักทรัพย์ในประเทศยักใหญ่อย่างสหรัฐอเมริกา เป็นต้น
อีกเหตุผลหนึ่งนั้น ก็เพราะในตลาดเหล่านี้ ต่างมีบริษัทยักษ์ใหญ่ที่เป็นเจ้าของผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ซึ่งมีความเกี่ยวโยงกับตัวเด็ก ๆ
เช่น...ของเล่น เกมส์คอมพิวเตอร์ ตุ๊กตาบาร์บี้ สวนสนุก ร้านกาแฟ ร้านอาหารแมคโดนัลด์ โทรศัพท์มือถือ อุปกรณ์กีฬา etc. ....
ทั้งสองมองว่า สิ่งที่เป็นความท้าทายสำหรับพ่อแม่ ก็คือ การโน้มน้าวให้ลูกเชื่อว่า เขาควรนำเงินไปลงทุน มากกว่าการนำเงินไปใช้จ่ายที่น่าจะสนุกกว่า
และต้องไม่ลืมที่จะอธิบายให้เขาได้รับทราบ ถึงความเหมือนและความแตกต่างระหว่าง หุ้นสามัญ กับ หุ้นกู้ ว่า....
เมื่อเราซื้อหุ้นสามัญหรือหุ้นกู้ ก็เท่ากับเรา ให้บริษัทกู้ยืมเงิน นั่นเอง
ขณะเดียวกันเราก็ต้องอธิบายให้ได้ว่า....
ผลตอบแทนของการลงทุนแต่ละอย่าง คืออะไร ?
การลงทุนใดที่เราต้องรับความเสี่ยงมากกว่ากัน ?
การลงทุนใดที่ให้ผลตอบแทนแก่เรามากกว่า ?
และ....ในระยะยาวสิ่งใดที่ให้ผลตอบแทนได้ดีที่สุด ?
ผู้เขียนทั้งสองได้ให้ข้อคิดส่งท้าย ถึงความสำเร็จที่เราจะส่งเสริมให้เด็กประสบความสำเร็จในการลงทุน ก็คือ
เราสอนอะไรเราก็ต้องทำอย่างนั้น มีคำกล่าวที่ว่า เราไม่ต้องพูดเรื่องการลงทุนกับเด็กมากมายนัก เพราะเด็กฉลาดกว่าที่เราคิด เขาจะสังเกตตัวเราจากพฤติกรรมที่เราทำ
เราต้องเรียนรู้อยู่เสมอ เพราะการลงทุนเป็นสิ่งที่เราต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เราต้องหมั่นศึกษาหาประเด็นใหม่ ๆ ที่เกี่ยวกับการลงทุนมาคุยกับลูก เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้ซึ่งกันและกัน
เราต้องทำให้เป็นเรื่องง่าย ทั้งสองเตือนว่า เราไม่ควรที่จะนำคำศัพท์ที่ยาก ๆ ในเรื่องที่เกี่ยวกับการลงทุนมาคุยกับลูกหรอก ....เพราะสิ่งที่เขาต้องการจริง ๆ คือ เขาจะซื้อได้อย่างไร และ ขณะนี้การลงทุนของเขามีผลตอบแทนเท่าไรแล้ว
การสอนให้ลูกทำงานพาร์ตไทม์และการฝึกให้ลูกรู้จักลงทุนตั้งแต่ยังเล็กนั้น จะทำให้เขามีรายได้พิเศษ และยังเป็นการสร้างประสบการณ์ที่ล้ำค่าในอนาคต
ให้เกิดขึ้นกับตัวเขาและแก่ครอบครัวของเรา
สุรศักดิ์ อัครอารีสุข