วันพฤหัสบดีที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2561

เริ่มต้นลงทุน

       “ถ้าอยากจะเริ่มต้นลงทุนจะต้องเริ่มต้นอย่างไรดี”   เป็นคำถามที่ผมมักจะได้ยินบ่อยมากจากบรรดาคนรู้จัก หรือเพื่อนสนิทอีกหลาย ๆ คน
    
       เมื่อได้ยินใครถามคำถามนี้ถ้าหากเราสนิทกันพอที่จะแนะนำได้โดยทันที  ผมก็จะบอกกับทุก ๆ คนเลยว่า   อันที่จริงแล้วพวกเราทุกคนต่างเริ่มต้นลงทุนกันมานานมากแล้วล่ะ  และปัจจุบันพวกเราทุกคนก็ยังลงทุนอยู่กันอย่างต่อเนื่อง  น้อยคนมากจริง ๆ ที่จะไม่ได้ลงทุนอะไรเลย

       เพื่อเป็นการตอบคำถามข้างต้นในบทความนี้  ผมจึงอยากนำเสนอรูปแบบการลงทุน 2 แบบ  ที่อยู่รอบตัวเราและใกล้ชิดกับพวกเรามากเป็นลำดับต้น ๆ ที่ไม่ว่าเราจะเป็นคนที่ทำงานกินเงินเดือน  หรือคนที่เป็นเจ้าของกิจการอยู่ก็ตาม  ที่เราจะต้องหันมาให้ความสำคัญอย่างจริงจังมากขึ้น

       ลงทุนแบบแรก  ก็คือ  “การฝากเงินกับธนาคาร”  ผมมองว่าเป็นจุดเริ่มต้นการลงทุนแบบแรก ๆ เลย  ของพวกเรา ซึ่งส่วนใหญ่จะเริ่มต้นลงทุนรูปแบบนี้กันมาตั้งแต่ยังเด็ก  และจนปัจจุบันผมมั่นใจว่าทุก ๆ คนก็ยังคงมีสัดส่วนการลงทุนในหมวดนี้กันอย่างสม่ำเสมอ  ส่วนมากหรือน้อยนั้นขึ้นอยู่กับภาระหน้าที่และกำลังของแต่ละคน  ผลตอบแทนหลักของการลงทุนประเภทนี้ก็คือ ดอกเบี้ย ตามแต่อัตราที่เราได้รับจากธนาคาร  

       แต่ผลตอบแทนอีกอย่างหนึ่งที่เรามักจะไม่ได้คิดถึงกันเท่าไรนักในเรื่องของการลงทุนในหมวดนี้ ก็คือ “จำนวนเงินทุนสะสม”  ที่พอกพูนขึ้นจากการที่เราค่อย ๆ สะสมในช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อนที่จะพัฒนาเป็น  “โอกาส”  ที่เราจะหาทางนำเงินทุนนี้ไปขยายผลต่อ  หรือภาษาทางธุรกิจที่เรามักจะได้ยินกันบ่อยมากในปัจจุบัน  คือ  “การต่อยอดทางธุรกิจ”  เพราะทรัพยากรที่เป็นหัวใจสำคัญในการทำธุรกิจ  ก็คือ  “เงินทุนและเวลา” นั่นเอง 

       ลงทุนแบบที่สอง  ก็คือ  “การซื้อกองทุน”  ที่ไม่ว่าจะเป็นกองทุนที่เราซื้อด้วยตนเองซึ่งมีอยู่ทั่วไปในตลาด  หรือการเป็นสมาชิกเพื่อหักเงินออมสะสมเข้ากองทุนที่องค์กรที่เราทำงานอยู่ได้ตั้งขึ้นมา  เช่น “กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ”   การลงทุนในรูปแบบนี้เพื่อน ๆ หรือคนรู้จักส่วนใหญ่กลับไม่ได้มองว่าเป็นการลงทุน  แต่กลับมองเพียงว่าเป็น  “การซื้อหน่วยลงทุน”  เพื่อนำมาใช้ในการหักภาษี  โดยเฉพาะในกลุ่มเพื่อนที่มีรายได้ต่อปีค่อนข้างสูง  ที่มีสัดส่วนการเสียภาษีต่อปีตั้งแต่ร้อยละ 10  ขึ้นไป  

       ผลตอบแทนจากการลงทุนในหมวดนี้  ก็มีทั้งกำไรส่วนต่างที่เกิดจากการขายกองทุนในกองที่อนุญาตให้เราทำได้เมื่อครบเงื่อนไข  หรือการได้รับเงินปันผลจากกองทุน (ถ้ามี)  ไปจนถึงกำไรสะสมจากประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนจนทำให้กองทุนที่เราถือนั้นเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง

       การลงทุนทั้งสองแบบที่ได้กล่าวในข้างต้น  พวกเราส่วนใหญ่มักจะไม่ได้คิดว่าเป็นเรื่องของการลงทุน  หรือการทำธุรกิจ  ทั้งที่เป็นการนำเงินออมที่เราได้สะสมไว้  หรือรายได้ที่เราได้รับมาใช้ในการซื้อกองทุนหรือนำไปฝากไว้กับธนาคาร  ซึ่งการทำดังกล่าวผมมองว่าก็ไม่ต่างกับ  “การลงทุนหรือทำธุรกิจ”  อยู่นั่นเอง    

       และเมื่อตัวเรายังไม่มีมุมมองในลักษณะนี้  ก็เป็นไปได้ว่าเราได้สร้างมุมมองที่จำกัดไว้เพียงด้านเดียว  ทำให้เราไม่มีแรงจูงใจที่จะคิดค้นหาวิธีการ  หรือกลยุทธ์ใด ๆ มาใช้เพื่อปรับแนวทางในการลงทุน  หรือการทำธุรกิจของตัวเราให้ดีขึ้นหรือเกิดประโยชน์สูงสุดต่อตัวเราเองยิ่ง ๆ ขึ้นไป

สุรศักดิ์  อัครอารีสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น