วันพฤหัสบดีที่ 13 ธันวาคม พ.ศ. 2561

Disruptive

       มีโอกาสหยิบหนังสือ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่ (The Fourth Industrial Revolution, เคล้าส์ ชวาบ. ผู้ก่อตั้งและประธานสภาเศรษฐกิจโลก : World Economic Forum : 2016, แปลโดย ศรรวริศา เมฆไพบูลย์)  ขึ้นมาอ่าน  ก็สัมผัสถึงกระแสความเปลี่ยนแปลงขนานใหญ่ ที่ผู้เขียนได้กล่าวถึง

       จากข่าวการปิดตัวการให้บริการของธนาคารสาขาจำนวนมาก  หรือการยุติการผลิตของนิตยสารเล่มต่าง ๆ และหันไปให้บริการผ่านสื่อเทคโนโลยีอินเตอร์เน็ต เช่น การเปิดเพจเฟซบุ้คในนิตยสารจำนวนไม่น้อย  

       ล่าสุดที่สถานีโทรทัศน์ชื่อดังในอดีตที่ต้องมีการปลดพนักงานบางส่วนออกเพื่อปรับแนวทางการบริหารและการให้บริการด้วยนวัตกรรมใหม่ ๆ  

       ถือเป็นเรื่องที่ไม่น่าแปลกใจในปัจจุบัน  และเข้าใจถึงความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้น

       ความท้าทายต่อแนวทางดั้งเดิม (Disruptive)  เป็นเสมือนความเปลี่ยนแปลงที่ฉับพลันและรุนแรงในโลกปัจจุบัน  และเกิดขึ้นแทบในทุกวงการ  ยากที่จะมีใครทานต่อสิ่งเหล่านี้ได้  

       ด้วยโลกได้เข้าสู่ช่วงต้นของ การปฏิวัติอุตสาหกรรมครั้งที่สี่  ตามที่หนังสือได้กล่าวไว้  โลกที่กำลังถูกผลักดันให้เข้าสู่จุดความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่   

       มีข้อมูลว่า “พลังในการประมวลผลของกูเกิลในการตอบเสิร์ชของเราแต่ละครั้งในขณะนี้ เทียบเท่ากับการประมวลผลของโครงการอะพอลโลทั้งภาคพื้นดินและอวกาศ”  

       และยังมีการทำนายว่า ภายในปี 2025 “บนท้องถนนในอเมริกา ณ ขณะนี้ มีรถยนต์ไร้คนขับวิ่งถึง 10 เปอร์เซ็นต์ ขณะที่ในฮ่องกงมีการใช้สมองกล (AI) มาร่วมเป็นกรรมการบริษัทแล้ว” ฟังดูแล้วน่าทึ่งมาก.. 

       ก็ไม่น่าแปลกใจที่สัญลักษณ์ที่เป็นเสมือนตัวแทนของโลกยุคก่อน เช่น นิตยสารต่าง ๆ  หรือธนาคารประเภทให้บริการเป็นสาขา  กำลังจางหายไปจากที่เราเคยสัมผัสได้ และอาจจะไม่อยู่ในความทรงจาของเด็ก ๆ รุ่นใหม่ที่จะเติบโตขึ้นมาในอนาคต

       อย่างไรก็ตามความก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยี ก็นับเป็นโอกาสที่ดีที่ทำให้ผู้ผลิตหรือผู้ให้บริการในภาคต่าง ๆ สามารถสร้างนวัตกรรมใหม่ขึ้นเพื่อใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร  หรือการให้บริการ  รวมถึงการเป็นแหล่งข้อมูลในการเผยแพร่เรื่องราวและข่าวสารในแวดวงที่ผู้บริโภคสนใจได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงขึ้น

       ที่เห็นถึงความเปลี่ยนแปลงในลักษณะก้าวกระโดดกันอย่างชัดเจนมากก็คือ ในภาคธนาคารที่ในปัจจุบัน  ผมคิดว่าเกือบทุกท่านจะต้องเคยใช้งานการชำระเงินผ่านระบบพร้อมพ์เพย์ และหรือระบบ QR Code ที่มีใช้กันอย่างแพร่หลายที่เราสามารถพบเห็นได้แม้กระทั่งร้านค้าริมทาง

       ถือเป็นการบูรณาการเทคโนโลยีดิจิตอลใหม่ มาใช้งานร่วมกับผลิตภัณฑ์ของผู้ผลิตในสาขาต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพ

       เมื่อความเปลี่ยนแปลงมาถึงเราจะรับมืออย่างไร”  ผลิตภัณฑ์หรือสินค้า  ไปจนถึงผู้ให้บริการในภาคต่าง ๆ ที่เราใช้งานได้แสดงให้เห็นถึงความสามารถในการรองรับความเปลี่ยนแปลงผ่านเครื่องมือใหม่ ๆ  

       ทำให้เห็นถึงความรับผิดชอบร่วมกันของผู้ผลิตและผู้บริโภคที่จะร่วมกันผลักดันและพัฒนาสังคมให้ก้าวหน้าต่อไปอย่างยั่งยืน

       ทั้งตื่นเต้นและท้าทายต่อความเปลี่ยนแปลงต่ออนาคตที่จะมาถึงทีเดียวครับ

สุรศักดิ์  อัครอารีสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น