วันอังคารที่ 11 ธันวาคม พ.ศ. 2561

ถ่ายทอดประสบการณ์

       กิจกรรมหนึ่งที่ผมอยากให้มีและเกิดขึ้นภายในหน่วยงานต่าง ๆ  ไม่จำกัดว่าต้องเป็นหน่วยงานรัฐหรือหน่วยงานเอกชน คือ การจัดให้มีการถก  แลกเปลี่ยน ถ่ายทอดประสบการณ์ ไปจนถึงมุมมองและความคิดในเรื่องการบริหารเงิน (ส่วนบุคคล) ขึ้นภายในหน่วยงาน  

       ซึ่งลักษณะหรือรูปแบบการจัดนั้น ไม่จำเป็นต้องจัดใหญ่แต่อย่างใด  อาจเป็นการจัดสัมมนาเล็ก ๆ ที่ประชาสัมพันธ์ในองค์กรหากใครสนใจ ก็เดินเข้ามาฟังได้  โดยเริ่มต้นที่คลาสเล็ก ๆ สัก 4-6 คน   ก็เพียงพอ  

       โดยวิทยากรนั้นก็ใช้การเชิญบุคลากรในหน่วยงานที่องค์กรเล็งเห็นว่ามีความเป็น Best Practice หรือคนต้นแบบที่ดี  ที่น่าจะมีความรู้ในระดับหนึ่งมาถ่ายทอด  ซึ่งอาจจะจัดให้มีลักษณะเช่นนี้สักเดือนละครั้ง

       การจัดให้มีสัมมนาแลกเปลี่ยนลักษณะนี้ในองค์กร  แรก ๆ อาจจะดูขัดเขินในตอนแรก  แต่ประโยชน์สุดท้ายจะเป็นประโยชน์ต่อบุคลากรในองค์กรในระยะยาวโดยเฉพาะกับกลุ่มพนักงานที่พึ่งเริ่มต้นทำงาน  ที่จะทำให้เขามีทิศทางอย่างชัดเจนตั้งแต่เริ่มต้นทำงานในเรื่องของความคิดในการบริหารเงิน  

       เพราะการนำเสนอในลักษณะเช่นนี้ไม่ได้เป็นเรื่องของความรู้ทางการเงิน เนื่องจากเราสามารถค้นหาความรู้เกี่ยวกับเงินหรือแม้แต่เรื่องใด ๆ ในการทำงานจากอินเตอร์เน็ตได้อยู่แล้วในปัจจุบัน  แต่เป็นเรื่องของการนำเสนอ “วิธีคิดและตัวตน” ของผู้บรรยายหรือแม้กระทั้งผู้ที่มีส่วนร่วมในการถกแลกเปลี่ยนในแต่ละครั้ง  เป็นการแสดงออกถึง “เหตุผล”  ที่อยู่เบื้องหลังในการทำสิ่งต่าง ๆ ที่เขาได้ทำไปแล้วนั่นเอง

       ถ้าเราได้เคยติดตามข่าวสารในเรื่องเศรษฐกิจระดับโลก  เราอาจจะเคยได้ยินการประชุมของ “สภาเศรษฐกิจโลก หรือ World Economic Forum (WEF.)  ซึ่งเป็นองค์กรภาคเอกชนที่ได้จัดตั้งโดยนักเศรษฐศาสตร์ชาวสวิสเซอร์แลนด์ (เคล้าส์ ชวาบ, ผู้ก่อตั้งและประธานสภาเศรษฐกิจโลก. การปฏิวัตอุตสาหกรรมครั้งที่ 4 (The Fourth Industrial Revolution) : 2016))  

       การประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนดังกล่าว  มีการเชิญมีผู้เข้าร่วมการประชุม ณ เมืองดาวอส เป็นประจำทุกปี  ทั้งระดับผู้นำ ผู้บริหารระดับสูงจากภาคธุรกิจ องค์การระหว่างประเทศ และนักวิชาการจากทั่วโลก  มาร่วมกันถกแลกเปลี่ยนในเรื่องเศรษฐกิจและทิศทางใหม่ ๆ ที่เกิดขึ้นรวมถึงการตระหนักถึงปัญหาต่าง ๆ ด้านเศรษฐกิจที่อาจส่งผลกระทบหรือการเตรียมความพร้อมรับมือร่วมกัน  

       จนนำไปสู่การสร้างความร่วมมือในด้านต่าง ๆ และขยายเวทีการแลกเปลี่ยนไปสู่ระดับภูมิภาคอื่น ๆ ที่มิใช่เฉพาะสถานที่ที่เริ่มต้น  ซึ่งในที่นี้รวมถึงประเทศไทยด้วยครับ

       ที่ยกประเด็นเรื่อง WEF มากล่าวถึงก่อนหน้านี้  ผมเพียงแค่ต้องการยกตัวอย่างรูปแบบการจัดให้มีการหารือแลกเปลี่ยนมุมมองภายในองค์กร  อาจจะฟังดูเหมือนค่อนข้างใหญ่โต  แต่ในมุมมองผมไม่แตกต่างกันครับ  

       ถ้าในระดับประเทศ ระดับภูมิภาค ไปจนถึงระดับโลก  ยังต้องมีการจัดเวทีเฉพาะไว้เพื่อให้ตัวแทนจากภาคส่วนต่าง ๆ มาร่วมกันหารือหรือถกแลกเปลี่ยนกันในเรื่องที่จำเพาะเจาะจงเช่นเศรษฐกิจ  ผมมองว่าในระดับบุคคลหรือระดับองค์กรก็ไม่แตกต่างกัน   เพียงแต่ประเด็นที่เราจะนำมาร่วมกันแลกเปลี่ยนนั้น  ก็อาจจะตีกรอบให้เล็กลงในระดับที่เกี่ยวข้องกับตัวเรา  เช่น เรื่องการบริหารเงินส่วนบุคคล  ซึ่งในอนาคตก็อาจพัฒนาไปสู่การแลกเปลี่ยนมุมมองในการทำงานอื่นๆ  ได้มากขึ้น  โดยการนำรูปแบบเช่นนี้มาใช้ให้มีประสิทธิภาพภายในแต่ละหน่วยงาน

       เพื่อให้กระชับมุมมอง เวลาที่เราทำลักษณะ Forum ภายในหน่วยงานขึ้น  ประเด็นประสบการณ์ที่เราสามารถนำมาแลกเปลี่ยนมุมมองกัน ก็คือ “ประโยชน์”  ที่เราได้รับจากวิธีการคิดหรือที่ได้ลงมือทำ  ข้อเสียหรือผลกระทบที่เราควรระมัดระวัง  เป็นสิ่งที่ควรทำหรือไม่  ถ้าทำแล้วเป็นอย่างไร  ทำไมถึงนำเสนอวิธีคิดแบบนั้น
 
       “วิธีคิด”  ของผู้ที่มาถ่ายทอดนั้น  คือ ส่วนที่แสดงให้เห็นถึงความแตกต่าง  (ประยุกต์มาจาก : โยอิจิ อิโนอุเอะ, ว่างงาน แต่ไม่ว่างเงิน. แปลโดย มนชนก มากบุญประสิทธิ์. 2558) ของทั้งผู้ถ่ายทอดและผู้ที่เข้าร่วมแลกเปลี่ยนของแต่ละท่านนั่นเองครับ


สุรศักดิ์  อัครอารีสุข

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น